ไก่ชนไทย
  dooasia : ดูเอเซีย   รวมเว็บ   พระเครื่อง     เรื่องน่ารู้ของสยาม   สิ่งน่าสนใจ  

เว็บบอร์ด ซื้อ-ขายไก่ชน

โรคไข้หวัดนก
ในระยะเวลา2-3ปีที่ผ่านมาได้มีการระบาดของโรคจากสัตว์มาสู่คน เช่นโรควัวบ้า โรคทางเดินหายใจอักเสบเฉียบพลันอย่างรุนแรง[ SARS] ในปี 1997 ได้มีการระบาดของไข้หวัดนกที่ประเทศฮ่องกง และมีผู้ป่วยเสียชีวิตจากการติดเชื้อ ทำให้มีการหวาดกลัวไปทั่วโลก เนื่องจากว่าอัตราการตายสูงมาก และหากเชื้อสามารถติดต่อระหว่างจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งได้ง่ายเหมือนไข้หวัดใหญ่ จะทำให้เกิดการระบาดทั่วโลกและมีอัตราการตายสูง

เชื้อที่เป็นสาเหตุ
  • Family Orthomyxoviridae
  • Genus: Influenza
  • ตัวเชื้อมีขนาด 80-120 nm
  • ลักษณะเป็น filament
  • Types: A, B, and C
  • การจำแนกชนิดของเชื้ออาศัย antigen ซึ่งอยู่ที่เปลือก(virus envelope) และแกนกลาง ( nucleoprotein )
  • Influenza A virus ทำให้เกิดโรคในคน สัตว์ปีก หมู ม้า สัตว์ทะเล
  • Influenza B virus เกิดโรคเฉพาะในคน
  • Influenza C virus ทำให้เกิดโรคในคนและม้า แต่เป็นอย่างไม่หนัก
  • การระบาดของไข้หวัดนกส่วนใหญ่เกิดเชื้อชนิด Type A
  • ที่เปลือกของเชื้อยังมี antigen อีกสองชนิดคือ Hemagglutinin(H )และ neuraminidase(N)
    • Type A จะมี H antigen อยู่ 15 ชนิดคือ H1-H15,ส่วน N antigen มีอยู่ 9 ชนิดคือ N1-N9
    • ชนิด H5,H7
      จะเป็นเชื้อที่ทำให้เกิดการระบาดอย่างรุนแรง
  • การระบาดของเชื้อโรค
    เชื้อที่เป็นสาเหตุของการระบาดได้แก่ Influenza A virus ซึ่งมีวิธีการระบาดได้สองวิธีคือ
    • highly pathogenic avian influenza (HPAI) คือการระบาดชนิดรุนแรงซึ่งทำให้เกิดอัตราการตายสูงเกิดจากเชื้อ H5,H7
    • low-pathogenic avian influenza (LPAI) เป็นการระบาดอย่างไม่รุนแรง
    • การระบาดเชื่อว่าเกิดจากนกน้ำ หรือนกที่อพยพจากแหล่งอื่นที่เป็นภาหะของโรคนำเชื้อโรคมาที่ฟาร์ม์

    ความเป็นอยู่ของเชื้อโรค
    • เชื้อนี้สามารถอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นาน ในน้ำที่อุณหภูมิ 22 องศาเชื้อสามารถอยู่ได้นาน 4 วัน ที่อุณหภูมิ 0 องศาเชื้อสามารถอยู่ได้นาน 30 วัน
    • วิธีการทำลายเชื้อ
      • ความร้อนที่ 56 องศาเป็นเวลา 3 ชั่วโมง หรือ 60 องศาเป็นเวลา 30 นาที
      • สภาวะที่เป็นกรด
      • มีสาร oxidizing agents เช่น sodium dodecyl sulfate, lipid solvents, and B-propiolactone
      • สารฆ่าเชื้อเช่น Iodine,fomalin

    แหล่งอาศัยของเชื้อโรค
    พวกนกน้ำ หรือเป็ดป่าจะเป็นพาหะของโรค เมื่อมันอพยพไปที่ใดก็จะนำเชื้อไปด้วย หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม เช่นอากาศเย็นก็จะทำให้มีการแพร่พันธ์ไปยังสัตว์เลี้ยง สัตว์ปีกทั้งหลายที่เป็นสัตว์เลี้ยงเมื่อได้รับเชื้อโรคจะทำให้เกิดโรค สัตว์ต่างๆได้แก่
    • Chickens
    • ไก่งวงTurkeys
    • เป็ด Ducks
    • นกกระทา Partridges
    • ไก่ฟ้า Pheasants
    • นกพิราบ Pigeons
    • นกกระจอกเทศ Ostriches and other ratites
    • ห่าน Geese
    • ไก่ต๊อกGuinea fowl
    เชื่อว่าการอพยพของนกเป็ดน้ำ หรือนกจะเป็นตัวพาเชื้อแพร่กระจาย พวกนกน้ำจะมีความต้านทานต่อเชื้อโรคนี้และเป็นพาหะของโรคการระบาดของเชื้อโรคทางเข้าของเชื้อโรค
    • ทางปากโดยเชื้อที่ปนเปื้อนในเสมหะ หรือน้ำลาย หรืออุจาระของนกที่ป่วย
    • เยื่อบุตา
    • ทางเดินหายใจ
    วิธีการระบาดของเชื้อโรค
    1. การระบาดของไข้หวัดนกเริ่มแรกจะระบาดจากการที่นกน้ำ นกนางนวลหรือนกป่านำเชื้อมาสู่ฟาร์ม์โดยที่นกนั้นไม่จำเป็นต้องเข้าไปในฟาร์ม์ แต่อาจจะถ่ายอุจาระ หรือสารคัดหลั่งลงในน้ำธรรมชาติ เมื่อสัตว์เลี้ยงดื่มน้ำที่มีเชื้อโรคก็จะเป็นจุดเริ่มต้นของการระบาด
    2. การระบาดในระยะที่สองเกิดจากการปนเปื้อนของเชื้อโรคจากไก่ที่ติดเชื้อไปสู่ฟาร์ม์อื่นโดยทางอาหาร รัง ถาดไก่ คน

    การป้องกันการระบาดโดยการฉีดวัคซีน
    เมื่อมีการระบาดของไข้หวัดนกในฟาร์มก็จะมีการดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อม การทำลายสัตว์ที่ติดเชื้อ การกักกันสัตว์ที่สงสัยว่าจะได้รับเชื้อ ซึ่งวิธีการดังกล่าวอาจจะไม่พอที่จะควบคุมการระบาด โดยเฉพาะในพื้นที่มีการเลี้ยงสัตว์มาก และการทำลายสัตว์ก่อให้เกิดการสูญเสียทางเศรษฐกิจอย่างมากมายจึงได้มีแนวความคิดในการควบคุมการระบาดโดยการฉีดวัคซีน
    ่นื่องจากการเลี้ยงสัตว์ในปัจจุบันได้ต่างเดิม เช่นจำนวนสัตว์ในแต่ละฟาร์ม์มีจำนวนเพิ่มขึ้น ช่วงในการเลี้ยงแต่ละครอกลดลง การทำลายสัตว์ที่สงสัยจะติดเชื้อเป็นจำนวนมากทำให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ และก่อให้เกิดความรู้สึกทารุนสัตว์ จึงมีแนวความคิดในการควบคุมการระบาดโดยการฉีดวัคซีน แต่การฉีดวัคซีนก็จะมีปัญหาเรื่องการแยกสัตว์ซึ่งติดเชื้อและสัตว์ซึ่งได้รับวัคซีน ซึ่งอาจจะทำให้มีการแพร่เชื้อโรคหากมีการส่งออก
    การระบาดของเชื้อไข้หวัดนกสู่คน
    เชื้อไข้หวัดใหญ่ Influenza ได้มีการระบาดใหญ[Pandemic]่มาแล้ว 4 ครั้งในปี คศ 1918[H1N1] ,1957[H2N2], 1968[H3N2],1977[H3N1] เชื่อในการระบาดทั่วโลกแต่ละครั้งจะมีการเปลี่ยนแปลงของตัวเชื้ออย่างมากที่เรียกทางการแพทย์ว่า Antigenic shift สำหรับการระบาดย่อยตามภูมิภาค(epidermic)จะมีการเปลี่ยนแปลงของตัวเชื่อไม่มากที่เรียกว่า antigenic drift เมื่อมีการระบาดย่อยหลายๆครั้งจะเกิดการระบาดใหญ่

    วิธีการติดต่อ
    • ได้รับสารคัดหลั่งเช่น น้ำลาย อุจาระจากนกที่ติดเชื้อ
    • การเคลื่อนย้ายของสัตว์ที่เป็นโรคจากเล้าหนึ่งไปยังอีกเล้าหนึ่ง
    • ปนเปื้อนจากอุปกรณ์การเลี้ยงเช่น รังสำหรับวางไข่ รางอาหาร เสื้อผ้าและรองเท้าคนเลี้ยง
    • ได้รับเชื้อจากนกที่อพยพ สัตว์ป่า ไก่ป่า
    • น้ำดื่มที่ปนเปื้อนอุจาระของสัตว์ที่เป็นโรค
    • แมลงจากกองขยะที่มีเชื้อโรค
    • การติดต่อทางอากาศหากนกใกล้ชิดกันมาก

    การระบาดของโรคไข้หวัดนกการระบาดของไข้หวัดนกไปสู่คนในแต่ละครั้งก่อให้เกิดการสูญเสียชีวิตคน และเศรษฐกิจอย่างมากมาย ในอรบหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมามีการระบาดของไข้หวัดนกทั่วโลกหลายครั้ง
    1. Spanish Flu ปี คศ.1918 ได้เกิดการระบาดของไข้หวัดนกซึ่งทำให้เกิดความเสียหายอย่างมากมายประมาณว่าเกิดการติดเชื้อร้อยละ20-40ของประชากรโลกและมีผู้เสียชีวิต20 ล้านคน เฉพาะในประเทศอเมริกามีผู้เสียชีวิตไป 500000 คน คนที่เป็นโรคจะมีอายุ 20-50 ปี
    2. Asian Flu ในปี คศ.1957 เดือนกุมภาพันธ์ได้มีการระบาดของไข้หวัดนกที่ทางตะวันออกไกล การระบาดครั้งนี้มีความรุนแรงน้อยกว่าครั้งแรกเนื่องจากมีความรู้เพิ่มขึ้น และสามารถผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ในเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน และหยุดระบาดเดือนธันวาคม แต่มีการระบาดเล็กน้อยอีกในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ในปี 1958
    3. Hong Kong Flu ปี 1968 เริ่มต้นระบาดที่ฮ่องกง และลามเข้าอเมริกาทำให้ผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปีเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก แต่ความเสียหายไม่รุนแรงมากนักเนื่องจากเชื้อตัวนี้มีลักษณะคล้าย Asian Flu ประชากรมีภูมิคุ้มกันบางส่วนหลงเหลืออยู่ และมีการดูแลรวมทั้งยาปฏิชีวนะที่ดี
    4. Swine Flu Scare ปี คศ.1976 ได้มีการค้นพบเชื้อไวรัสชนิดใหม่ที่เมือง Fort Dix ผู้เชี่ยวชาญเกรงว่าจะเกิดการระบาดใหญ่และเกิดความเสียหายเหมือน Spanish Flu แต่เชื้อก็ไม่ได้ระบาดออกนอกเมือง
    5. Russian Flu Scare ปี คศ.1977 ได้มีการระบาดของเชื้อ influenza A/H1N1 เกิดการกระจายไปทั่วโลกเป็นมากในคนอายุน้อยกว่า 23 ปีเนื่องจากผู้ที่มีอายุมากกว่า 23 ปีมักจะมีภูมิต่อเชื้อไวรัสAsian Flu
    6. Avian Flu Scare ปี คศ.1997เกิดการระบาดของไข้หวัดนก avian A/H5N1 flu virus ทำให้มีคนติดเชื้อ 18 คนเสียชีวิต 6 คนติดเชื้อนี้จากไก่ แทนที่จะติดจากหมูเหมือนอดีต ยังไม่มีรายงานว่าคนติดจากคน

    • ปี 1983 ได้มีการระบาดของเชื้อไข้หวัดนกสายพันธ์ H5 ทำให้มีสัตว์ตาย 17 ล้านตัว
    • ปี 1997 ได้มีการระบาดไข้หวัดนกสายพันธ์ H5N1สู่คนที่ประเมศฮ่องกงทำให้มีคนเสียชีวิตไป 6 คนและป่วย 18 คนและสัตว์ตายไป 1.5 ล้านตัว
    • ปี 1999 ได้มีการระบาดไข้หวัดนกสายพันธ์H7N1 ที่ประเทศอิตาลีได้มีการทำลายไก่งวงไป 30000ตัว
    • ปี1998 ได้มีการระบาดไข้หวัดนกสายพันธ์H5N2
    • เดือนกุมภาพันธ์ปี 2003 ได้มีการระบาดไข้หวัดนกสายพันธ์H5N1 ที่ฮ่องกง และมีรายงานเป็นครั้งแรกว่าคนติดเชื้อไข้หวัดนกโดยการติดต่อจากสัตว์ไปสู่คน และมีผู้เสียชีวิต 1 คน
    • ปี2003ได้มีการระบาดที่ประเทศฮอลแลนด์เป็นเชื้อสายพันธ์ H7N7มีนกตายไป 28 ล้านตัว และมีคนติดเชื้อไขหวัดนก 83 คนเสียชีวิต 1 คน
    • เดือนธันวาคมปี2003 ได้มีการระบาดที่ประเทศเกาหลีใต้ สัตว์เสียชีวิตไป 1.8 ล้านตัว
    • เดือนมกราคม 2004ได้มีการระบาดของไข้หวัดนกสายพันธ์ H5N1 ได้มีการทำลายสัตว์ไป70000 ตัวเด็กติดเชื้อ 13 คน ผู้ใหญ่ติดเชื้อ 1 คน มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 12 คนเป็นผู้ใหญ่ 1 คนและเด็ก 11 คนผู้เสียชีวติ 3 คนมีเชื้อไข้หวัดนก ผู้ป่วย 5 คนเป็นญาติกับผู้ที่เสียชีวิต ความกังวลของ WHO เชื้อนี้จะมีการกลายพันธ์สูง และได้รับพันธุกรรมจากเชื้อไข้หวัดที่เกิดในคน องค์การอนามัยโลกเกรงว่าหากควบคุมไม่ดีจะเป็นการเริ่มการระบาดครั้งใหญ่ของไข้หวัด
    • เดือนมกราคม 2004 ได้มีการระบาดที่ประเทศญี่ปุ่น
    • 23 เดือนมกราคม กระทรวงสาธารณะสุขได้รายงานผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อไข้หวัดนก 2 ราย(ยุติการโกหกของกรมปศุสัตว์)
    ข้อที่สำคัญอีกข้อหนึ่งคือสัตว์ที่ไม่ตายจะยังคงแพร่เชื้อโรคอีก 10 วัน ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าการกำจัดแหล่งที่มีการระบาดของเชื้อโรคอย่างรวดเร็วจะป้องกันการระบาดครั้งใหญ่ของไวรัสสายพันธ์ฬหญ่เพราะจากสถิติพบว่าทุก100 ปีจะมีการระบาด 3-4 ครั้งวิธีป้องกันการระบาดของไข้หวัดนกมีขั้นตอนดังนี้
    • ต้องกำจัดแหล่งติดเชื้ออย่างรีบด่วน
    • คนที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเช่นคนงานที่ทำในฟาร์ม์ ควรจะได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดเพื่อป้องกันไม่ให้ไข้หวัดนกและไข้หวัดใหญ่มาเกิดในคนเคียวกัน ซึ่งจะทำให้เกิดการกลายพันธ์
    • คนที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อต้องได้รับประทานยาต้านไวรัส
    อาการของคนที่ติดเชื้อไข้หวัดนก
    เนื่องจากยังมีผู้ป่วยจำนวนไม่มากทำให้ยังมีความรู้เรื่องนี้น้อย ผู้ป่วยจะมีไข้ เจ็บคอ ไอ ในรายที่เป็นรุนแรงจะมีอาการแน่นหน้าอกหายใจหอบเนื่องจากมีอาการปอดบวม

    ไข้หวัดนกกับอาวุธทางชีวภาพ
    มีการหวาดกลัวจะนำเชื้อไข้หวัดนกมาใช้ทำอาวุธสงครามเพราะ
    • เชื้อนี้ติดต่อง่าย
    • อัตราการตายสูง
    • ทำให้เกิดผลต่อเศรษฐกิจค่อนข้างมาก เพราะทำให้สัตว์ตายมาก ป้องกันหรือควบคุมลำบาก เนื้อสัตว์แพงขึ้น
    • เชื้อมีการกลายพันธ์สูง ตัวอย่างที่ฮ่องกงเชื้อสามารถติดต่อสู่คน

    อาการแสดงของสัตว์ที่ติดเชื้อ
    • ระยะพักตัว 3-7 วัน
    • อาการที่สำคัญ
      • ในรายที่ได้รับเชื้อชนิดรุนแรงจะตายเฉียบพลันโดยไม่มีอาการเตือน
      • สัตว์จะซึม ขนจะยับและยุ่ง
      • เบื่ออาหาร
      • ไข่ลดลง อาจจะออกไข่โดยที่ไม่มีเปลือกไข่ ต่อมาจะไม่ไข่
      • คอและเท้าจะบวม
      • เหนียงและหงอนจะบวมและเขียว
      • มีจุดเลือดออก
      • หิวน้ำ
      • ท้องร่วงแรกๆจะสีเขียวต่อมาถ่ายเหลวสีขาว
      • เลือดออกที่ข้อเท้าและขา
      • น้ำมูกและน้ำตาไหล
      • ไอจาม
      • ทรงตัวไม่อยู่ เดินเซ ต่อมาหัวจะตกติดพื้น
      • อัมพาต
    • อัตราการตาย
      • 100%
      • อาจจะตายก่อนเกิดอาการ หรือหลังเกิดอาการแล้ว 1 สัปดาห์ส่วนใหญ่ตายใน 48 ชั่วโมง

    ผลการตรวจสัตว์ที่ตาย
    • สำหรับนกที่อายุน้อยอาจจะตรวจไม่พบความผิดปกติ
    • กล้ามเนื้อจะมีเลือดคั่งมาก
    • เยื่อบุตาจะบวมและมีจุดเลือดออก
    • มีเสมหะจำนวนมากในหลอดลม
    • หลอดลมจะมีเลือดออก
    • มีจุดเลือดออกในช่องท่อง
    • ไตบวม
    • เลือดออกในกระเพาะ ลำไส้ ต่อมน้ำเหลือง
    • เลือดออกในรังไข่
    การเก็บตัวอย่างเพื่อตรวจวินิจฉัย
    สัตว์ที่ตายให้นำเอาอวัยวะส่วน สมอง ม้าม ปอด หลอดลม ตับอ่อน ถุงลม ส่งตรวจสัตว์ที่มีชีวิต
    • นำสารคัดหลังเช่น เสมหะ อุจาระ
    • เจาะเลือดตรวจ
    การฉีดวัคซีนได้มีการทดลองใช้วัคซีนฉีดเพื่อป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดนกในไก่และไก่งวงพบว่าสามารถลดอัตราการตายและการติดเชื้อ แต่ข้อเสียของวัคซีนคืออาจจะไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อในนกบางประเภทและไม่สามารถป้องกันไข้หวัดนกสายพันธุ์อื่น ทำให้สัตว์นั้นไม่เป็นโรคแต่จะเป็นพาหะของโรคทำให้การควบคุมโรคเป็นไปได้ยากการรักษายังไม่มียาที่ใช้รักษา

    การป้องกันการระบาดของไข้หวัดนกในฟาร์ม์ไก่
    • ป้องกันฟาร์ม์จากสัตว์ป่า เช่นนกเป็ดน้ำ นกน้ำหรือนกที่อพยพจากประเทศอื่น
    • อย่านำสัตว์ซึ่งยังไม่ได้ตรวจหรือกักโรคเข้าฟาร์ม์
    • สำหรับผู้ดูแลฟาร์ม์ต้องใส่เครื่องป้องกันอย่างเหมาะสม เช่น เสื้อคลุม ถุงมือ หน้ากากอนามัย หมวก และการทำความสะอาดร่างกาย
    • ทำความสะอาดและทำให้ฟาร์ม์ปราศจากเชื้ออย่างถูกต้อง
    • ใช้ระบบ all-in/all-out production system
    • ไม่ควรใช้แหล่งน้ำธรรมชาติเพราะอาจจะปนเปื้อนเชื้อโรคจากสัตว์ป่า
    • ควรจำกัดการเข้าออกของรถ
    • ควรทำความสะอาดรถและอุปกรณ์ก่อนเข้าและออกจากฟาร์ม์
    • อย่างใช้รถ หรืออุกรณ์การเลี้ยงร่วมกัน
    • ไม่ควรไปฟาร์มอื่น ถ้าจำเป็นต้องเปลี่ยนชุด ทำความสะอาดร่างกายใส่รองเท้าก่อนเข้าฟาร์ม์
    • อย่าน้ำนกหรือสัตว์ปีกเข้าฟาร์ม

    การควบคุมตลาดค้าสัตว์ปีก
    • ใช้ลังพลาสติกแทนไม้เพื่อสะดวกในการทำความสะอาด
    • กำจัดขนและอุจาระสัตว์ให้สะอาด
    • ทำความสะอาดรถและอุปกรณทุกชนิด์ก่อนเข้าฟาร์ม์
    • ทำความสะอาดตลาดทุกวัน
    • ไม่นำสัตว์ที่ขายไม่หมดเข้าฟาร์ม
    • แยกสัตว์ที่มาใหม่จากสัตว์ที่ขายไม่หมด

    การควบคุมการระบาด
    • ทำลายสัตว์ที่สงสัยว่าจะติดโรค
    • ทำความสะอาดรถ และอุปกรณ์ที่สัมผัสสัตว์ที่ป่วย
    • ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อ
    • หลังจากทำลายสัตว์และทำความสะอาดฟาร์ม์แล้วอย่างน้อย 21 วันจึงจะเริ่มเลี้ยงใหม่

    การป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดนก
    • รักษาร่างกายให้แข็งแรงโดยการออกกำลังกาย ผักผ่อนอย่างเพียงพอ รับประทานอาหารที่มีคุณภาพ
    • เมื่อไม่สบายไม่ควรจะเข้าที่ชุมชนหรือที่อากาศไม่ถ่ายเท
    • ไม่สัมผัสกับสัตว์ปีกที่มีชีวิต
    • ล้างมือหลังสัมผัสสัตว์
    • เด็กไม่ควรจะสัมผัสกับไก่หรือนก

    การป้องกันเชื้อไข้หวัดนกกลายพันธุ์
    โดยปกติเชื้อไข้หวัดนกจะติดเฉพาะสัตว์ปีกจนกระทั่งในปี คศ.1997 ได้มีการระบาดของไข้หวัดนกกับไก่ในฮ่องกง และมีผู้ติดเชื้อไข้หวัดนก 18 คนและเสียชีวิต 6 คน ทำให้ผู้เชื่ยวชาญเกี่ยวกับไข้หวัดเชื่อว่าจะมีการระบาดของเชื้อไข้หวัดนกทั่วโลกในเร็ววันนี้ จึงได้มีคำแนะนำเพื่อป้องกันการระบาดของไข้หวัดนก
    • การกำจัดแหล่งแพร่เชื้อโรคอย่างเร่งด่วนเพื่อกำจัดเชื้อโรค และป้องกันการกลายพันธุ์ุ์
    • สำหรับคนเลี้ยงไก่ให้ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เพื่อป้องกันมิให้คนเลี้ยงได้รับเชื้อไข้หวัดไก่และไข้หวัดนกซึ่งจะทำให้เชื้อเกิดการกลายพันธุ์
    • คนเลี้ยงต้องสวมใส่เครื่องป้องกันการติดเชื้อ
    • คนเลี้ยงต้องได้รับยาต้านไวรัส

    คำแนะนำสำหรับประชาชนเพื่อป้องกันโรคติดต่อจากสัตว์ปีก
    กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
    19 มกราคม 2547
    จากสถานการณ์การระบาดของโรคในไก่ในขณะนี้ กรมปศุสัตว์ได้เข้าดำเนินการตรวจสอบและควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่ที่เกิดการระบาดอย่างใกล้ชิดแล้ว รวมทั้งห้ามไม่ให้มีการนำไก่ที่ป่วยหรือตายออกจำหน่ายในท้องตลาดอย่างเด็ดขาด ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการเฝ้าระวังโรคในคนอย่างใกล้ชิดเช่นกัน โดยเฉพาะโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ ในขณะนี้ยังไม่พบการเจ็บป่วยที่อาจติดต่อมาจากสัตว์แต่อย่างใดจากสถานการณ์ปัจจุบัน แม้ว่าประชาชนทั่วไปจะมีความเสี่ยงน้อยต่อการติดโรค จึงไม่ควรตื่นตระหนก อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด กรมควบคุมโรคขอแนะนำ ดังนี้

    ผู้บริโภคไก่และผลิตภัณฑ์จากไก่
    1. เพื่อป้องกันโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจและโรคติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร การบริโภคเนื้อสัตว์ รวมทั้งเนื้อไก่และไข่ไก่ โดยทั่วไปจึงควรรับประทานเนื้อที่ปรุงให้สุกเท่านั้น เนื่องจากเชื้อโรคต่าง ๆ ที่อาจปนเปื้อนมา ไม่ว่าจะเป็นไวรัส แบคทีเรีย หรือพยาธิ จะถูกทำลายไปด้วยความร้อน
    2. เนื้อไก่ที่มีขายอยู่ตามท้องตลาดในขณะนี้ ถือว่ามีความปลอดภัย สามารถบริโภคได้ตามปกติ แต่ต้องรับประทานเนื้อไก่สุกเท่านั้น งดการประทานเนื้อไก่กึ่งสุกกึ่งดิบ สำหรับไก่ที่ประชาชนเตรียมไว้ใช้ในพิธีเซ่นไหว้ในช่วงตรุษจีนที่จะถึงนี้ เนื่องจากมักนิยมต้มแบบไม่ให้สุกมากนัก ดังนั้นก่อนจะนำมารับประทาน จึงควรนำมาปรุงให้สุกอีกครั้งหนึ่ง 3. สำหรับไข่ไก่ ควรเลือกฟองที่สดใหม่และไม่มีมูลไก่ติดเปื้อนที่เปลือกไข่ ก่อนปรุงควรนำมาล้างให้สะอาด และปรุงให้สุกก่อนรับประทาน

    เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่
    เกษตรกรผู้ประกอบอาชีพเลี้ยงไก่ รวมทั้งผู้เลี้ยงสัตว์ และผู้ที่ต้องเกี่ยวข้องกับสัตว์ในฟาร์มที่มีการะบาด เป็นกลุ่มประชาชนที่เสี่ยงต่อการติดโรคจากสัตว์ ดังนั้นจึงควรปฏิบัติโดยเคร่งครัด ดังนี้ 1. เกษตรกรผู้ประกอบอาชีพเลี้ยงไก่ ต้องป้องกันไม่ให้สัตว์อื่น ๆ รวมทั้งนก เข้ามาให้โรงเรือน เพราะอาจนำเชื้อโรคเข้ามา นอกจากนั้นจะต้องรักษาความสะอาดในโรงเรือนให้ดีอยู่เสมอ และหากมีไก่ป่วยหรือตายไม่ว่าด้วยสาเหตุใด ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ในพื้นที่ทันที ต้องไม่นำไก่ป่วยหรือตายออกมาจำหน่าย และทำการกำจัดทิ้งตามคำแนะนำของปศุสัตว์อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อมาสู่สัตว์หรือคน 2. ผู้ที่เลี้ยงสัตว์หรือผู้ที่ต้องเกี่ยวข้องกับสัตว์ในฟาร์มที่มีการระบาด ไม่ว่าจากสาเหตุใด ควรดูแลระมัดระวังตนเองอย่างถูกต้อง โดยใช้อุปกรณ์ป้องกันร่างกาย เช่น พลาสติกหรือผ้ากันเปื้อน ผ้าปิดปากจมูก ถุงมือ แว่นตา และต้องหมั่นล้างมือบ่อย ๆ โดยเฉพาะหลังจับต้องสัตว์ป่วย หรือซากสัตว์ที่ตาย 3. รีบอาบน้ำชำระร่างกายด้วยน้ำและสบู่ให้สะอาด และต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าทุกครั้งหลังปฏิบัติงานเสร็จ เสื้อผ้าชุดเดิม พลาสติกหรือผ้ากันเปื้อน ผ้าปิดปากจมูก ถุงมือ แว่นตา ควรนำไปซักหรือล้างให้สะอาด และผึ่งกลางแดดให้แห้งสนิทก่อนนำมาใช้อีกครั้ง4. ควรรักษาร่างกายให้แข็งแรง เพื่อให้ร่างกายมีภูมิต้านทานโรคได้ดี โดยการรับประทานอาหารให้ครบถ้วน รวมทั้งผักและผลไม้ งดบุหรี่และสุรา นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ควรสวมเสื้อผ้าให้อบอุ่นพอในช่วงอากาศเย็น5. หากมีอาการไม่สบาย เช่น มีไข้ ปวดศีรษะ หนาวสั่น เจ็บคอ ไอ เป็นต้น ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที และแจ้งแพทย์ด้วยว่าทำงานในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมโปรดติดต่อ : โทร. 0-2590-3333 และ โทร. 0-2590-3194 คำแนะนำความรู้เรื่องไข้หวัดนกของกรมควบคุมโรคติดต่อ

    คำแนะนำสำหรับประชาชนเพื่อป้องกันโรคไข้หวัดนก
    กระทรวงสาธารณสุข 23 มกราคม 2547
    จากสถานการณ์การระบาดของโรคในไก่รวมถึงไข้หวัดนก (Avian influenza) ในขณะนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการเฝ้าระวังโรคในคนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจ และได้ประสานงานกับกรมปศุสัตว์ ซึ่งเข้าดำเนินการควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่ที่เกิดการระบาดทุกแห่งแล้ว รวมทั้งป้องกันไม่ให้มีการนำไก่ป่วยหรือตายออกจำหน่ายในท้องตลาดอย่างเด็ดขาด ในสถานการณ์ปัจจุบัน ประชาชนทั่วไปมีความเสี่ยงน้อยต่อการติดโรค การรับประทานไก่และไข่ที่ปรุงสุกไม่ทำให้ติดโรค จึงไม่ควรตื่นตระหนก อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดความปลอดภัยจากโรคไข้หวัดนก กระทรวงสาธารณสุขขอแนะนำความรู้เรื่องโรคและแนวทางปฏิบัติ ดังนี้

    ความรู้เรื่องโรคไข้หวัดนก
    โรคไข้หวัดนกเป็นโรคติดต่อของสัตว์ประเภทนก ตามปกติโรคนี้ติดต่อมายังคนได้ไม่ง่ายนัก แต่คนที่สัมผัสใกล้ชิดกับสัตว์ที่เป็นโรคอาจติดเชื้อได้ มีรายงานการเกิดโรคในคนเป็นครั้งแรกในปี 2540 เมื่อเกิดโรคระบาดของสัตว์ปีกในฮ่องกง โรคไข้หวัดนกเกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่บางสายพันธุ์ ที่พบในนก ซึ่งเป็นแหล่งรังโรคในธรรมชาติ โรคอาจแพร่มายังสัตว์ปีกในฟาร์ม คนติดโรคได้โดยการสัมผัสกับสัตว์ปีกที่ป่วยหรือตาย เชื้อที่อยู่ในน้ำมูก น้ำลาย และมูลของสัตว์ป่วย อาจติดมากับมือ และเข้าสู่ร่างกายทางเยื่อบุของจมูกและตา ทำให้เกิดโรคคล้ายไข้หวัดใหญ่ มีระยะฟักตัว 1 ถึง 3 วัน ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง หนาวสั่น ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย เจ็บคอ ไอ ผู้ป่วยเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัวอาจมีภูมิคุ้มกันไม่ดี และมีอาการรุนแรงได้ โดยจะมีอาการหอบ หายใจลำบาก เนื่องจากปอดอักเสบรุนแรง ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคไข้หวัดนก ได้แก่ ผู้ที่ทำงานในฟาร์มสัตว์ปีก ผู้ที่ฆ่าหรือชำแหละสัตว์ปีก ในพื้นที่ที่เกิดโรคไข้หวัดนกระบาด โรคไข้หวัดนกต่างจากไข้หวัดใหญ่ กล่าวคือ ในปัจจุบันยังไม่พบผู้ป่วยจากการติดต่อของไข้หวัดนกจากคนสู่คน

    แนวทางปฏิบัติสำหรับประชาชนเพื่อป้องกันโรคไข้หวัดนก
    ผู้บริโภคไก่และผลิตภัณฑ์จากไก่
    1. เพื่อป้องกันโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจและโรคติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร การบริโภคเนื้อสัตว์ รวมทั้งเนื้อไก่และไข่ไก่ โดยทั่วไปจึงควรรับประทานเนื้อที่ปรุงให้สุกเท่านั้น เนื่องจากเชื้อโรคต่าง ๆ ที่อาจปนเปื้อนมา ไม่ว่าจะเป็นไวรัส แบคทีเรีย หรือพยาธิ จะถูกทำลายไปด้วยความร้อน
    2. เนื้อไก่และไข่ไก่ที่มีขายอยู่ตามท้องตลาดในขณะนี้ ถือว่ามีความปลอดภัย สามารถบริโภคได้ตามปกติ แต่ต้องรับประทานเนื้อไก่และไข่ที่ปรุงสุกเท่านั้น งดการประทานอาหารที่ปรุงกึ่งสุกกึ่งดิบ
    3. เลือกรับประทานไข่ที่ปรุงสุกอย่างดี โดยเฉพาะในช่วงที่มีปัญหาโรคระบาดในไก่

    ผู้ประกอบอาหาร
    ผู้ประกอบอาหารทั้งเพื่อการจำหน่ายและแม่บ้านที่เตรียมอาหารในครัวเรือน เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการป้องกันโรคติดต่อจากอาหาร กระทรวงสาธารณสุขขอเน้นการป้องกัน ดังน
    ี้1. ควรเลือกซื้อเนื้อไก่และผลิตภัณฑ์จากไก่จากแหล่งที่มีการรับรองมาตรฐาน หรือร้านค้าประจำ และเลือกซื้อไก่สดที่ไม่มีลักษณะบ่งชี้ว่าอาจตายด้วยโรคติดเชื้อ เช่น มีเนื้อมีสีคล้ำ มีจุดเลือดออก เป็นต้น สำหรับไข่ ควรเลือกฟองที่ดูสดใหม่และไม่มีมูลไก่ติดเปื้อนที่เปลือกไข่ ก่อนปรุงควรนำมาล้างให้สะอาด
    2. ไม่ใช้มือที่เปื้อนมาจับต้องจมูก ตา และปาก และหมั่นล้างมือบ่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจับต้องเนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ และเปลือกไข่ที่มีมูลสัตว์เปื้อน
    3. ควรแยกเขียงสำหรับหั่นเนื้อไก่ และมีเขียงสำหรับหั่นอาหารที่ปรุงสุกแล้ว หรือผัก ผลไม้ โดยเฉพาะ ไม่ใช้เขียงเดียวกัน

    ผู้ชำแหละไก่
    ผู้ชำแหละไก่อาจมีความเสี่ยงจากการติดโรคจากสัตว์ จึงควรระมัดระวังขณะปฏิบัติงาน ดังนี้
    1. ต้องไม่ซื้อไก่ที่มีอาการผิดปกติจากการติดเชื้อ เช่น ซึมหงอย ขนฟู หน้า หงอน หรือเหนียงบวมคล้ำ มีน้ำมูก หรือขี้ไหล เป็นต้น หรือไก่ที่ตายมาชำแหละขาย
    2. ไม่ขังสัตว์ปีกจำพวก ไก่ เป็ด ห่าน ฯลฯ ที่รอชำแหละไว้ในกรงใกล้ ๆ กัน เพราะจะเป็นปัจจัยเสี่ยงให้เชื้อโรคกลายพันธุ์ จนอาจเกิดเชื้อสายพันธุ์ใหม่ ๆ ที่เป็นอันตรายทั้งต่อคนและสัตว์ได้
    3. ควรทำความสะอาดกรงและอุปกรณ์อย่างสม่ำเสมอ ด้วยน้ำผงซักฟอก และนำไปผึ่งกลางแดดจัด ๆ นอกจากนั้นอาจราดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อเดือนละ 1- 2 ครั้ง
    4. หากสัตว์ที่ชำแหละมีลักษณะผิดปกติ เช่น มีจุดเลือดออก มีน้ำหรือเลือดคั่ง หรือจุดเนื้อตายสีขาวที่เครื่องใน หรือเนื้อมีสีผิดปกติ ต้องไม่นำไปจำหน่าย และรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์มาตรวจสอบทันที่ เพราะอาจเป็นโรคระบาด
    5. ต้องล้างบริเวณชำแหละสัตว์ให้สะอาดด้วยน้ำผงซักฟอก และควรราดน้ำยาฆ่าเชื้อโรคทุกครั้งหลังเสร็จสิ้นการชำแหละไก
    ่6. ผู้ชำแหละไก่ควรดูแลระมัดระวังตนเองอย่างถูกต้อง โดยใช้อุปกรณ์ป้องกันร่างกาย เช่น พลาสติกหรือผ้ากันเปื้อน ผ้าปิดปากจมูก ถุงมือ แว่นตา รองเท้าบู๊ท และต้องหมั่นล้างมือบ่อย ๆ
    7. รีบอาบน้ำชำระร่างกายด้วยน้ำและสบู่ให้สะอาด และต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าทุกครั้งหลังปฏิบัติงานเสร็จ ส่วนเสื้อผ้าชุดเดิม พลาสติกหรือผ้ากันเปื้อน ผ้าปิดปากจมูก ถุงมือ แว่นตา ควรนำไปซักหรือล้างให้สะอาด และผึ่งกลางแดดให้แห้งสนิทก่อนนำมาใช้อีกครั้ง

    ผู้ขนย้ายสัตว์ปีก
    ผู้ขนย้ายสัตว์ปีกควรระมัดระวังตนเองไม่ให้ติดโรคจากสัตว์ และป้องกันการนำเชื้อจากฟาร์มหนึ่งไปยังแพร่ยังฟาร์มอื่น ๆ จึงควรเน้นการปฏิบัติตามคำแนะนำของกรมปศุสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
    1. งดซื้อสัตว์จากฟาร์มที่มีสัตว์ตายมากผิดปกติ
    2. เมื่อขนส่งสัตว์เสร็จในแต่ละวัน ต้องรีบล้างทำความสะอาดรถให้สะอาดด้วยน้ำผงซักฟอก สำหรับกรงขังสัตว์ควรราดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อซ้ำอีกครั้งหนึ่ง
    3. ควรดูแลระมัดระวังตนเองอย่างถูกต้อง โดยใช้อุปกรณ์ป้องกันร่างกาย เช่น ผ้าปิดปากจมูก ถุงมือ รองเท้าบู๊ท และต้องหมั่นล้างมือบ่อย ๆ
    4. รีบอาบน้ำชำระร่างกายด้วยน้ำและสบู่ให้สะอาด และต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าทุกครั้งหลังปฏิบัติงานเสร็จ ส่วนเสื้อผ้าชุดเดิมและเครื่องป้องกันร่างกาย ควรนำไปซักหรือล้างให้สะอาด และผึ่งกลางแดดให้แห้งสนิทก่อนนำมาใช้อีกครั้ง

    เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ เกษตรกรผู้ประกอบอาชีพเลี้ยงไก่ รวมทั้งผู้เลี้ยงสัตว์ และผู้ที่ต้องเกี่ยวข้องกับสัตว์ในฟาร์มที่มีการะบาด เป็นกลุ่มประชาชนที่เสี่ยงต่อการติดโรคจากสัตว์ ดังนั้นจึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำของกรมปศุสัตว์โดยเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
    1. เกษตรกรผู้ประกอบอาชีพเลี้ยงไก่ ต้องป้องกันไม่ให้สัตว์อื่น ๆ รวมทั้งนกทุกชนิด และสัตว์พาหะนำโรค เช่น หนู เป็นต้น เข้ามาในโรงเรือน เพราะอาจนำเชื้อโรคเข้ามาแพร่ให้ไก่ได้ นอกจากนั้นจะต้องรักษาความสะอาดในโรงเรือนให้ดีอยู่เสมอ และหากมีไก่ป่วยหรือตายไม่ว่าด้วยสาเหตุใด ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ในพื้นที่ทันที ต้องไม่นำไก่ป่วยหรือตายออกมาจำหน่าย และทำการกำจัดทิ้งตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์อย่างเคร่งครัด เช่น อาจฝังให้ลึกแล้วราดน้ำด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อหรือปูนขาว หรือนำไปเผา เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อมาสู่สัตว์หรือคน
    2. ผู้ที่เลี้ยงสัตว์หรือผู้ที่ต้องเกี่ยวข้องกับสัตว์ในฟาร์มที่มีการระบาด ไม่ว่าจากสาเหตุใด ควรดูแลระมัดระวังตนเองอย่างถูกต้อง โดยใช้อุปกรณ์ป้องกันร่างกาย เช่น พลาสติกหรือผ้ากันเปื้อน ผ้าปิดปากจมูก ถุงมือ แว่นตา รองเท้าบู๊ท และต้องหมั่นล้างมือบ่อย ๆ โดยเฉพาะหลังจับต้องสัตว์ป่วย หรือซากสัตว์ที่ตาย
    3. รีบอาบน้ำชำระร่างกายด้วยน้ำและสบู่ให้สะอาด และต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าทุกครั้งหลังปฏิบัติงานเสร็จ เสื้อผ้าชุดเดิม พลาสติกหรือผ้ากันเปื้อน ผ้าปิดปากจมูก ถุงมือ แว่นตา ควรนำไปซักหรือล้างให้สะอาด และผึ่งกลางแดดให้แห้งสนิทก่อนนำมาใช้อีกครั้ง

    การป้องกันโรคให้แก่เด็ก
    1. เนื่องจากเด็กมักมีนิสัยชอบเล่นคลุกคลีกับสัตว์เลี้ยงรวมทั้งไก่และนก และหากติดเชื้อไข้หวัดนกมักป่วยรุนแรง ดังนั้นในช่วงที่มีโรคระบาดในสัตว์ปีก มีสัตว์ตายมากผิดปกติ พ่อ แม่ ผู้ปกครองควรระมัดระวังดูแลเด็กให้ใกล้ชิด และเตือนไม่ให้เด็กอุ้มไก่หรือนก จับต้องซากสัตว์ที่ตาย และต้องฝึกสุขนิสัยที่ดี โดยเฉพาะการล้างมือทุกครั้งหลังจับต้องสัตว์
    2. หากเด็กมีอาการป่วย สงสัยเป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ ต้องรีบพาไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาโดยเร็ว

    โดยทั่วไปเมื่อได้รับการรักษาและดูแลอย่างถูกต้อง เด็กจะค่อย ๆ มีอาการดีขึ้นภายใน 2 ถึง 7 วัน ควรสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด หากมีอาการรุนแรงขึ้น เช่น มีอาการหอบ ต้องรีบพาไปโรงพยาบาลทันทีคำแนะนำทั่วไปในการรักษาสุขภาพและพฤติกรรมอนามัยเพื่อป้องกันโรคติดต่อ
    1. ควรรักษาร่างกายให้แข็งแรง เพื่อให้ร่างกายมีภูมิต้านทานโรคได้ดี โดยการรับประทานอาหารให้ครบถ้วน รวมทั้งผักและผลไม้ งดบุหรี่และสุรา นอนหลับพักผ่อนให้พอเพียง ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และในช่วงอากาศเย็น ควรสวมเสื้อผ้าให้ร่างกายอบอุ่น
    2 หากมีอาการไม่สบาย เช่น มีไข้ ปวดศีรษะ หนาวสั่น เจ็บคอ ไอ เป็นต้น ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที และแจ้งแพทย์ด้วยว่าทำงานในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ หรือมีประวัติสัมผัสซากสัตว์

    ข้อแนะนำขั้นตอนการล้างตลาดอย่างถูกหลักสุขาภิบาลในช่วงการเกิดโรคระบาด
    1. ในบริเวณที่มีการระบาดของโรคติดต่อ ควรล้างตลาดอย่างถูกหลักสุขาภิบาลอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
    2. กวาดหยากไย่ หรือ เศษสิ่งสกปรกที่ติดบน ฝาผนัง โคมไฟ พัดลม
    3. เจ้าของแผงทำความสะอาดแผง และร่องระบายน้ำเสีย กวาดเศษขยะไปรวมทิ้งไว้ในบริเวณพักขยะ หรือในที่ที่จัดไว้ รวมทั้งกำจัดแมลงและสัตว์นำโรคที่อาศัยอยู่ในบริเวณตลาดด้วย
    4. บนแผงหรือพื้นที่ที่คราบไขมันจับ ใช้น้ำผสมโซดาไปราดลงบนพื้นหรือแผง ทิ้งไว้นาน 15-30 นาที และใช้แปรงลวดถูช่วยในการขจัดคราบไขมัน ส่วนบริเวณอื่นใช้ผงซักฟอกช่วยในการล้างทำความสะอาด (โซดาไฟ ใช้ชนิด 96% ในอัตราส่วน 2 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 1/2 ปีป ในบริเวณที่ไขมันจับตัวหนา และ 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 1/2 ปีป ในบริเวณที่ไขมันน้อย)
    5. ใช้น้ำสะอาดฉีดล้างบนแผง ทางเดิน ฝาผนังและกวาดล้างลงสู่ร่องระบายน้ำเสีย เพื่อชำระล้างสิ่งสกปรก โซดาไฟหรือผงซักฟอกให้หมด
    6. ใช้น้ำผสมผงปูนคลอรีน (ใช้ผงปูนคลอรีน 60% ในอัตราส่วน 1 ช้อนชาต่อน้ำ 1 ปีป) ใส่ลงในบัวรดน้ำ และรดบริเวณแผง ทางเดิน ร่องระบายน้ำเสียให้ทั่ว ปล่อยทิ้งไว้เพื่อให้คลอรีนฆ่าเชื้อโรคและกำจัดกลิ่น ส่วนบริเวณที่มีกลิ่นคาวให้ใช้หัวน้ำส้มสายชูผสมน้ำให้เจือจาง แล้วราดบริเวณที่มีกลิ่นคาว โดยเฉพาะแผงขายสัตว์ปีก ควรฆ่าเชื้อด้วยคลอรีนทุกวัน
    7. บริเวณห้องน้ำ ห้องส้วม อ่างล้างมือ ที่ปัสสาวะ และก๊อกน้ำสาธารณะที่ใช้ในตลาด ต้องล้างทำความสะอาดโดยใช้ผงซักฟอกช่วยและล้างด้วยน้ำสะอาด
    8. บริเวณที่พักขยะต้องเก็บรวบรวมขยะไปกำจัดให้หมด แล้วล้างทำความสะอาดและทำการฆ่าเชื้อ เช่นเดียวกับข้อ 6

    ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ ศูนย์ปฏิบัติการ กรมควบคุมโรค : โทร. 0-2590-3333
    และเว็ปไซต์ของกระทรวงสาธารณสุข ที่ www.moph.go.th


    แหล่งข้อมูล : กรมควบคุมโรค กรมอนามัย และกรมปศุสัตว์
    การป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดนกสำหรับผู้ที่มีหน้าที่ทำลายไก่องค์การอนามัยโลกได้แนะนำการป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดนกจากฟาร์ม์ที่สงสัยว่าจะติดเชื้อไข้หวัดนก การสัมผัส เสมหะ น้ำลาย สารคัดหลั่ง อุจาระของสัตว์ที่เป็นโรคอาจจะทำให้คนติดเชื้อโรค จึงมีคำแนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อ

    • ผู้ที่เคลื่อนย้ายหรือผู้ที่ทำลายสัตว์จะต้องมีเครื่องป้องกันการติดเชื้อดังนี้ เสื้อคลุมถึงปลายแขน,เสื้อพลาสติกกันน้ำสำหรับคลุมบนเสื้อคลุม,ถุงมือใช้แล้วทิ้งเลย,หน้ากากอนามัย(ถ้าใช้ N95 จะดีมาก)แว่นตา,รองเท้าบูท
    • ผู้ที่สัมผัสกับสัตว์ที่เป็นโรคควรจะล้างมือบ่อยๆ สำหรับผู้ที่ทำการเคลื่อนย้ายหรือทำลายไก่ควรจะล้างมือด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคหลังจากเสร็จงาน
    • ทำความสะอาดสิ่งแวดล้อมบริเวณที่ทำลายไก่
    • ผู้ที่สัมผัสกับสัตว์ที่ป่วยหรือฟาร์ม์ที่เป็นโรคต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด สำหรับผู้ที่ทำลายไก่ควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ และได้รับยาต้านไวรัสเพื่อป้องกันการติดเชื้อทั้งไวัรัสไข้หวัดใหญ่และไข้หวัดไก่ ในการติดตามโรคต้องติดตามสมาชิกในครอบครัวด้วย ผู้ที่มีโรคประจำตัวที่มีภูมิต่ำ อายุ 60 ปีไม่ควรทำงานในฟาร์ม
    • ต้องมีการตรวจเลือดหาภูมิต่อไข้หวัดนก

    ขอขอบคุณข้อมูลจาก www.gaichon.com , www.kaichon.com
     
    เนื้อหาสาระ - วิชาการ
    เริ่มต้นเลี้ยงไก่ชน
    ไข้หวัดนกและบทความ
    ตำนานไก่ชนกับพระนเรศวร
    การคัดไก่ที่จะนำมาเลี้ยง
    การคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์
    การเพาะพัฒนาพันธุ์ไก่ชน

    ไก่ตัวเมีย-แม่ไก่
    ไก่ตัวเมียและแม่ไก่
    การดูแลแม่ไก่ระหว่างฟักไข่
    การฟักไข่

    การเริ่มต้นเลี้ยงไก่ชน
    อาหารที่ดีของไก่ชน
    การเลี้ยงลูกไก่ชน
    การดูแลลูกไก่ชน
    การผสมไก่ให้ได้ผล
    การเลี้ยงไก่ให้ได้ผล
    เทคนิคการฝึกไก่ชน
    วิธีเลี้ยงไก่สำหรับชน
    ข้อควรทำในการเลี้ยงไก่ชน
    โรคไข้หวัดนก
    ไข้หวัดนก - น.สพ.วีระชัย
    ไข้หวัดนก-ในใจ
    ทำไมต้องใช้วัคซีน
    "แอ๊ด" โวยโดนปิดบ่อนไก่ชน
    "แอ๊ด" บุกทำเนียบป้องไก่ชน
    เทคนิคการเลี้ยงไก่ชน
    การดูลักษณะไก่ชน
    สารพันทางเทคนิค
    ไก่ชนไทย
    ไก่ชนพม่ามีดีอย่างไร
    การเลี้ยงไก่ให้ถึงบ่อน
    การเลี้ยงไก่ออกชน
    การเปรียบไก่
    การดูบาดแผลและการแก้ไข
    การดูแลไก่ชน หลังชนมา
    ลักษณะไก่เก่งตอนเล็ก
    เทคนิคเซียน
    สีของไก่ชน
    แม่ไม้เชิงไก่
    เกล็ดและแข้ง
    นิ้วงามตามตำรา
    เกล็ดนั้นสำคัญไฉน
    ลักษณะไก่ที่ใช้ไม่ได้
    การดูการวางแข้ง
    การดูแผลตี
    ทีเด็ดลูกตี
    เลือกซื้อไก่หนุ่ม(มือใหม่)
    เลี้ยงปล้ำให้เจ๋งเพื่อชนะ
    เทคนิคการวางไก่
    เทคนิคเซียนไก่
    รู้เหลี่ยมกลโกง
    ยอดมือน้ำ
    เรื่องโรคและการป้องกัน
    เรื่องของสมุนไพร
    สารพันสาระน่ารู้
    โรคระบาดไก่ชน
    วัคซีนฝีมือคนไทย
    ข้อปฏิบัตให้ภูมิคุ้มกันโรค
    ข้อดีข้อเสียของการใช้วัคซีน
    โรคของไก่กับการป้องกัน
    หมอไก่
    เรื่องของสมุนไพรไก่ชน
    ตำรับยาสมุนไพรไก่ชน
    สมุนไพรและสรรพคุณ
    กล้วยน้ำว้าแตงกวาน้ำผึ้ง
    รูปภาพสมุนไพร
    การพัฒนาพันธุ์ไก่ชน
    ไก่ชนไทย
    ไก่ชนพม่า
    เรื่องของไก่แพ้
    การดูแลไก่หลังชน
    รู้เหลี่ยมกลโกง